News and updates

ภาษีธุรกิจเฉพาะคืออะไร ? เข้าใจง่ายในบทความเดียว

ภาษีธุรกิจเฉพาะคืออะไร ? เข้าใจง่ายในบทความเดียว

เมื่อพูดถึง “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” หลายคนอาจคุ้นเคยอยู่บ้างในฐานะภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทพิเศษ เช่น ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ การให้กู้ยืมเงิน หรือธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้ การเข้าใจรายละเอียดลึกซึ้งถึงหลักเกณฑ์ อัตราภาษี วิธีคำนวณ ตลอดจนการจัดทำแบบ ภ.ธ.40 เพื่อยื่นต่อกรมสรรพากรอย่างถูกต้อง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้บทความนี้จะเป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่อธิบายทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะแบบละเอียดและนำไปใช้งานได้จริง

คนกำลังคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องจ่าย

ภาษีธุรกิจเฉพาะคืออะไร ?

ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax: SBT) คือภาษีทางอ้อมที่จัดเก็บจากรายรับก่อนหักรายจ่าย ไม่ใช่กำไรสุทธิ เหมือนภาษีเงินได้ จุดประสงค์หลักคือการจัดเก็บภาษีจากกิจการบางประเภทที่กฎหมายเห็นว่าไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยมีอัตราจัดเก็บเฉพาะกิจการและต้องเสียภาษีทุกเดือน

โดยถ้าถามว่าภาษีธุรกิจเฉพาะเหล่านี้ใครจ่าย ? คำตอบคือไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ หรือองค์กรใด ๆ หากประกอบกิจการที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องจดทะเบียนและเสียภาษีนี้ แม้กระทั่งผู้ประกอบกิจการที่อยู่นอกราชอาณาจักร หากมีตัวแทนหรือกิจกรรมในไทย ก็ยังต้องมีผู้รับผิดชอบเสียภาษีในประเทศไทยร่วมด้วยเช่นกัน

กิจการแบบใดที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ?

กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นกิจการเฉพาะด้านที่กฎหมายกำหนด โดยเป็นกิจการที่ประกอบในราชอาณาจักรและไม่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ประกอบด้วย

  1. กิจการธนาคารพาณิชย์ หรือธุรกิจเงินทุน, หลักทรัพย์, เครดิตฟองซิเอร์
  2. กิจการประกันชีวิต
  3. กิจการโรงรับจำนำ
  4. ธุรกิจเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เช่น ให้กู้เงิน แลกเปลี่ยนเงินตรา ส่งเงินไปต่างประเทศ
  5. การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร
  6. การขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  7. กิจการซื้อขายคืนหลักทรัพย์ (Repo) และธุรกิจแฟกเตอริง
  8. กิจการอื่นตามพระราชกฤษฎีกา เช่น ธุรกิจตาม พ.ร.ฎ. ฉบับที่ 469

  

อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT Rate)

ฐานภาษีสำหรับภาษีธุรกิจเฉพาะคือ "รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ" ที่ผู้ประกอบกิจการได้รับหรือพึงได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการ โดยรายรับหมายถึงเงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการประกอบกิจการไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร โดยอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะแตกต่างกันตามประเภทของกิจการ ดังนี้

  

กิจการ

แหล่งรายได้ที่นำมาคำนวณภาษี

อัตราภาษี (ร้อยละ)

1. กิจการธนาคาร, ธุรกิจเงินทุน, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์

ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือกำไรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ จากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ

3.0

2. กิจการรับประกันชีวิต

ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ

2.5

3. กิจการโรงรับจำนำ

ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายของที่จำนำหลุดเป็นสิทธิ

2.5

4. การค้าอสังหาริมทรัพย์

รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ

0.1*

5. การขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์

รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ

0.1* (หรือบางกรณีก็ยกเว้น)

6. การซื้อและการขายคืนหลักทรัพย์

กำไรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์ แต่ไม่รวมถึงดอกเบี้ย เงินปันผล หรือประโยชน์ใด ๆ ที่ได้จากหลักทรัพย์

3.0

7. ธุรกิจแฟกเตอริง

ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ 

3.0

8. การประกอบกิจการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 469

ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการกำไรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ จากการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา

กำไรก่อนหักรายจ่ายใด ๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์

0.01

*หมายเหตุ: อัตราภาษีของการค้าอสังหาริมทรัพย์ได้มีการลดและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 ตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 472) พ.ศ. 2551

นอกจากอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ผู้ประกอบกิจการต้องเสียภาษีท้องถิ่นอีกร้อยละ 10 ของจำนวนภาษีธุรกิจเฉพาะที่คำนวณได้ด้วย

  

พนักงานและผู้บริหารกำลังประชุมกันเรื่องภาษีธุรกิจเฉพาะ

ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ

ถ้าคุณประกอบกิจการที่เข้าข่าย จะต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายใน 30 วัน นับจากวันเริ่มกิจการ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. การเตรียมเอกสารประกอบ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน สัญญาเช่าอาคาร หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล แผนที่สังเขปของสถานประกอบการ เป็นต้น
  2. กรอกแบบ ภ.ธ.01 จำนวน 3 ฉบับ ให้ครบถ้วนถูกต้อง ระบุข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบการ สถานประกอบการ วันเริ่มประกอบกิจการ และประเภทของกิจการ
  3. ยื่นแบบและเอกสารประกอบ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสำนักงานสรรพากรอำเภอท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือในกรณีผู้ประกอบกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยื่น ณ ท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
  4. รับใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.20) ซึ่งจะต้องนำไปแสดงไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการ

การยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ

ผู้ประกอบกิจการที่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเป็นรายเดือนภาษี โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. แบบที่ใช้ : แบบ ภ.ธ.40 ซึ่งจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของกิจการ จำนวนรายรับ จำนวนภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีท้องถิ่น
  2. กำหนดเวลา : ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีรายรับ ไม่ว่าจะมีรายรับในเดือนนั้นหรือไม่ก็ตาม
  3. ข้อยกเว้น : กรณีคำนวณภาษีแล้วมีจำนวนไม่ถึง 100 บาท ผู้ประกอบกิจการไม่ต้องเสียภาษีสำหรับเดือนภาษีนั้น แต่ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการตามปกติ

เมื่อผู้ประกอบการเข้าใจแล้วว่าภาษีธุรกิจเฉพาะมีอะไรบ้าง ดังนั้น เพื่อให้การจัดทำและยื่นแบบ ภ.ธ.40 เป็นเรื่องง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น DataOne Asia ขอนำเสนอโซลูชัน ETAX โดยเป็นการรับทําระบบ e-Tax Invoice ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบบัญชีหรือ ERP ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 6 ประเภทตามมาตรฐานกรมสรรพากร พร้อมระบบจัดเก็บที่ปลอดภัยและบริการทั้งแบบ On-Premise และ SaaS ช่วยให้ผู้ประกอบการดำเนินงานภาษีได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นระบบ สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก DataOne Asia ได้เลย

  

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ. วันที่ 25 เมษายน 2568 จาก https://www.rd.go.th/306.html