Privacy Notice for Customer
ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
สำหรับลูกค้าของ บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อ 1. บทนำ
บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญในความเป็นส่วนตัวที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น บริษัทจึงได้ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ฉบับนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายวิธีการที่บริษัทได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาประมวลผลอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย แก้ไข เรียกคืน จำกัดการเข้าถึง ลบและ/หรือทำลายข้อมูล (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการดูแลและคุ้มครองอย่างเหมาะสม
ข้อ 2. คำนิยาม
- ลูกค้า (Customer) หมายถึง ผู้ว่าจ้าง ผู้รับบริการ ผู้เช่า หรือผู้เช่าซื้อ ที่ได้รับการส่งมอบผลิตภัณฑ์ หรือบริการจากบริษัท ไปจนถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายใน และภายนอกองค์กร โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในกระบวนการสื่อสาร ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานอย่างเหมาะสม เป็นไปตามเงื่อนไขและนโยบายของบริษัท อีกทั้ง สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อการพัฒนา และเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
- ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือบุคลากรใด ๆ ของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า และผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น
-
ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึง
1. ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อนามสกุล เลขประจำตัวประชาชน สถานที่เกิดเหตุ อายุ ที่อยู่ เพศ อาชีพ วันเกิด สถานภาพการสมรส สัญชาติ หมู่โลหิต ส่วนสูง น้ำหนัก การรับราชการทหาร ภาพถ่าย ลายมือชื่อความสามารถพิเศษ
2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรศัพท์บ้าน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่อีเมล ข้อมูลในทะเบียนบ้าน ข้อมูลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน อีเมล ไลน์ไอดี ข้อมูลในเฟซบุ๊ก และข้อมูลอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน
3. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น ประสบการณ์การทำงานและการจ้างงานก่อนหน้า (ซึ่งรวมถึงตำแหน่ง แผนก ประวัติตำแหน่ง เงินเดือน ผลประโยชน์จากการจ้างงานก่อนหน้า) พฤติกรรมการทำงาน ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรมหรือฝึกงาน ใบรับรองและคุณสมบัติต่างๆ ข้อมูลใบสมัคร ประวัติการทำงาน ข้อมูล สหภาพแรงงาน ผลการประเมินการทำงาน สัญญาจ้างแรงงาน ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รหัสพนักงาน เงินเดือน ค่าตอบแทน โบนัส ตำแหน่ง สวัสดิการ ภาษีอากร รายละเอียดงานที่ได้รับมอบหมาย เป้าหมายการทำงาน บันทึกการลา การหยุดงาน และการขาดงาน ข้อมูลเกี่ยวกับความประพฤติ การกระทำผิดกฎหมาย และ/หรือวินัยการทำงาน/สาเหตุการพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ข้อมูล เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าออกสถานที่ทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งอุบัติเหตุและปลอดภัยในที่ทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางในหน้าที่การงาน หรือที่เกี่ยวเนื่องกับหน้าที่การงานและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลการสื่อสารและการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และอีเมล เป็นต้น
4. ข้อมูลเกี่ยวเอกสารที่ออกให้โดยทางราชการ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง และการเข้าออกประเทศ ใบอนุญาตทำงาน ใบขับขี่ สมุดทะเบียนรถยนต์ ข้อมูลบัญชีธนาคาร และสิ่งที่สามารถระบุตัวตนอื่น และใบอนุญาตอื่นๆ เช่น ใบอนุญาตผู้สอบบัญชี และใบอนุญาตทนายความ เป็นต้น
5. ข้อมูลประวัติประกอบการคัดเลือก เช่น ประวัติทางคดี ประวัติอาชญากรรม ประกาศณียบัตรต่างๆ ตลอดจนข้อมูลที่บริษัทได้จากบุคคลที่สามที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร และ/หรือพนักงาน (Reference Person)
6. เสียง ภาพนิ่ง และ/หรือภาพเคลื่อนไหว ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรม หรือแคมเปญต่างๆ ที่บริษัทจัดขึ้น
7. ชื่อ นามสกุล วันเกิด อายุ สัญชาติ ที่อยู่ อาชีพ สถานที่ทำงาน และหมายเลขโทรศัพท์ของคู่สมรส บุตร บิดา มารดา หรือบุคคลในครอบครัว ที่บริษัทสามารถติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
8. ชื่อ นามสกุล อายุ สัญชาติ ที่อยู่อาชีพ สถานที่ทำงาน และหมายเลขโทรศัพท์ ของบุคคลที่ท่านอ้างอิงเพื่อการตรจสอบและรับรองการทำงาน และ/หรือผู้ค้ำประกันการทำงาน
9. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในระหว่างการปฎิบัติงาน
- ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
- การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Processing) หมายถึง การดำเนินการใด ๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบ จัดโครงสร้างเก็บรักษา เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการส่งต่อ เผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อม ใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจำกัด การลบ หรือการทำลาย
-
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
-
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) หมายถึง ผู้ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
-
บริษัทฯ หมายถึง บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด
-
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎ ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 3. การเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง เช่น
- ในกรณีที่ท่านมีการติดต่อสอบถาม ให้ข้อเสนอแนะ หรือแสดงความคิดเห็นต่อบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยข้อความหรือด้วยวาจา ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะโดยตรง หรือช่องทางอื่นใด
- กรณีที่ท่านแสดงความประสงค์ในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการของบริษัท การเข้าทำข้อตกลงหรือสัญญากับบริษัท หรือมีการส่งมอบเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท
ท่านได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาด การตอบแบบสอบถาม การให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและ/หรือบริการ การเข้าร่วมกิจกรรมงานอีเวนต์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัทหรือในนามของบริษัท
(2) บริษัทอาจดำเนินการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น
- การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นใด
(3) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น
- การเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) ผู้ให้บริการประชาสัมพันธ์ แนะนำผลิตภัณฑ์/บริการ ตลอดจนผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลประเภทต่าง ๆ
- บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับแจ้งข้อมูลรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงวัตถุประสงค์และพื้นฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3. ได้แก่
4.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อสื่อสาร เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล บัญชีโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
4.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับกิจการหรือองค์กรของลูกค้า เช่น ชื่อบริษัท ประเภทธุรกิจ ทะเบียนพาณิชย์ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างท่านกับบริษัท
4.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น ข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน เช่น เลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต วิธีการชำระเงิน ประวัติการชำระเงิน
4.6 ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจและพฤติกรรม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ ความชอบ หรือพฤติกรรมการใช้งาน เช่น ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
4.7 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับบริษัท หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาใบอนุญาต หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท ภ.พ.20 เอกสารหลักประกัน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ใบส่งมอบงาน ใบตรวจรับมอบงาน หรือเอกสารอื่นใดที่ใช้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมกับลูกค้าของบริษัท เป็นต้น
4.8 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ที่บริษัท ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) และข้อมูลระบุตำแหน่ง เป็นต้น
4.9 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่จำเป็นสำหรับการให้บริการของบริษัท ซึ่งไม่อยู่ในหมวดหมู่ข้างต้น
ข้อ 5. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
โดยทั่วไปแล้วบริษัท ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ บริษัท ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัท ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการบริษัท จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
ในกรณีที่บริษัท จำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่านบริษัท จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นกรณีไป ทั้งนี้ เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้
(1) ข้อมูลศาสนา
(2) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และหรือความพิการ
ข้อ 6. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)
(1) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด
- ฐานความยินยอม: เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมถึงข้อมูลจากบุคคลภายนอก โดยการสัมภาษณ์ สังเกต วิเคราะห์ และสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า หรือบุคคลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ ผ่านการขอความยินยอมแล้ว
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ หรือประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่กระทบสิทธิหรือเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลโดยไม่เหมาะสม
(2) เพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมประมูลการขายสินค้าของบริษัท และการบริหารจัดการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมูลขายสินค้า
- ฐานสัญญา : เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมการประมูลเป็นการจำเป็นเพื่อการเข้าสัญญากับผู้เข้าร่วมประมูล หากผู้เข้าร่วมประมูลชนะการประมูล ตลอดจนการซื้อขายสินค้ากับผู้ที่ชนะการประมูล เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมการประมูล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ผู้เข้าร่วมประมูลเป็นนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมายในการจัดการประมูลของบริษัท ซึ่งรวมถึงการพิจารณาคุณสมบัติผู้ร่วมประมูล การติดต่อสื่อสาร การสรุปผลประมูล และการจัดทำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประมูลและผู้ชนะการประมูล
(3) เพื่อเข้าทำสัญญา และการวางหลักประกัน
- ฐานสัญญา : เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นการจำเป็นเพื่อการเข้าทำสัญญา และกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญาหรือวางหลักประกัน เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า และการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น
(4) เพื่อบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด
- ฐานสัญญา : เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่เป็นคู่สัญญา เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือของบุคคลอื่นใด ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น จัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า และการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น
(5) เพื่อจัดเตรียมสินค้าและ/หรือบริการ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
- ฐานสัญญา : เพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด เช่น การจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระ และการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เป็นต้น
(6) เพื่อให้บริการระบบบริการจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt)
- ฐานกฎหมาย : การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท เพื่อการจัดทำใบกำกับภาษี (E-tax Invoice) และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-receipt) รวมถึงการให้บริการยืนยันและพิสูจน์ตัวตนของลูกค้า
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการให้บริการระบบจัดทำใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์แก่ลูกค้า เพื่อสนับสนุนและตรวจสอบการใช้งานธุรกรรมอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
(7) เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด
- ฐานกฎหมายเพื่อให้บริษัทปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับเรื่องร้องเรียน เช่น กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, กฎหมายภาษีอากร และกฎหมาย หรือข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA), กรมสรรพากร, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในการร้องเรียน หรือยื่นข้อเสนอแนะจากลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท
(8) เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท
- ฐานความยินยอม: ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ อาทิ การส่งข้อความเกี่ยวกับการสื่อสารทางการตลาดให้แก่ลูกค้า การขอถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้า เพื่อนำไปประมวลภาพและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทางสื่อต่าง ๆ บริษัท จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาและปรับปรุงสินค้า การบริการ โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่กระทบสิทธิหรือเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลโดยไม่เหมาะสม
(9) เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำโปรไฟลิ่ง (Profiling)
- ฐานความยินยอม: เพื่อจัดทำโปรไฟลิ่ง (Profiling) ระหว่างบริษัท สำหรับการให้บริการ และ/หรือเสนอขายสินค้าและบริการ
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย : เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการวิเคราะห์พฤติกรรม ความสนใจ หรือแนวโน้มการใช้บริการของลูกค้าและผู้ใช้งาน เพื่อพัฒนา ปรับปรุง หรือเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะ
(10) เพื่อวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่น ๆ ของท่าน เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท
- ฐานความยินยอม: เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมและทำโฆษณาแบบเจาะจงตามพฤติกรรมของท่าน (Personalized Marketing) โดยขอความยินยอมจากท่านก่อน
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท เช่น การปรับปรุงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่น ๆ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนการแก้ไขข้อบกพร่องและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
(11) เพื่อติดต่อสื่อสาร กับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใด
- ฐานความยินยอม: เพื่อติดต่อสื่อสารเสนอขายสินค้าและการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับการขายสินค้าและการให้บริการ
(12) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
- ฐานกฎหมาย: เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัท อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการเตรียมความพร้อม ตรวจสอบ หรือดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะจากหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแม้จะไม่ใช่ข้อบังคับโดยตรงตามกฎหมาย แต่เป็นแนวทางที่สนับสนุนความน่าเชื่อถือ การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทางธุรกิจที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
(13) เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(14) เพื่อตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และ ทรัพย์สินของบริษัท
- ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัท หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัท สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น
(15) เพื่อการยืนยันตัวตนการใช้สิทธิต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของท่านในการดำเนินตามคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
6.2 หากบริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบโดยจัดทำนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรืออาจส่งหนังสือแจ้งเป็นการเฉพาะให้แก่ท่าน ท่านควรอ่านประกาศเพิ่มเติมดังกล่าวควบคู่กับประกาศฉบับนี้ เพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิของท่าน รวมถึงขั้นตอนและวิธีที่บริษัทจะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ข้อ 7. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
7.1 บริษัทจะใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ข้อมูลของบริษัทเท่านั้น โดยบริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้ และ/หรือ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ บริษัทได้จัดให้มีระบบควบคุม มีการจำกัด กำหนดลำดับชั้นผู้มีสิทธิ์ในการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น รวมถึงมีการบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูล ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือการจำเป็นเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ก่อนหรือในขณะนั้น เว้นแต่ในกรณีที่ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัย หรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายกำหนดหรือ ตามคำสั่งศาล
7.2 ในการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอกหรือต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก และเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่า ประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านในบางกรณี เพื่อให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 8. ผลกระทบจากการที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 9. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลตามที่ระบุไว้ และตามระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยอาจพิจารณาอายุความในทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีซึ่งอาจเกิดขึ้นจาก หรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายระบุระยะเวลาอย่างชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ไม่เกิน 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดภาระผูกพันระหว่างท่านกับบริษัท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาต หรือมีความจำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อใช้ในการยืนยันสิทธิหรือป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบหรือแหล่งจัดเก็บของบริษัท และ/หรือของผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้เก็บรักษาต่อไป หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฉบับนี้
ข้อ 10. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังต่อไปนี้
10.1 สิทธิในการถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้แก่บริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท
10.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิในการร้องขอให้เปิดเผยการได้มาของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท
10.3 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไป รวมทั้งมีสิทธิ (1) ขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลท่านไปยังผู้ควบคุมอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือ (2) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
10.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผล (การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
10.5 สิทธิในการร้องขอให้บริษัทแก้ไข ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
10.6 สิทธิในการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
10.7 สิทธิในการร้องขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
10.8 สิทธิในการร้องเรียนกรณีที่บริษัท หรือลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืน หรือไม่ปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ ท่านสามารถแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในข้อ 11.
ข้อ 11. วิธีการติดต่อบริษัท
บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด
ที่อยู่ เลขที่ 1023 อาคารเอ็ม เอส สยาม ทาวเวอร์ ชั้น 30 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120
อีเมล์ panaskan_j@d1asia.co.th
ข้อ 12. การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้
บริษัทอาจปรับปรุงหรือแก้ไขประกาศฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ พร้อมประกาศฉบับที่ปรับปรุง ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านติดตามและตรวจสอบประกาศฉบับนี้อย่างสม่ำเสมอ