e-Kyc
TAG :
การเปิดบัญชีเพื่อรับฝากเงินหรือการรับเงินจากประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สถาบันการเงินให้บริการทางการเงินต่าง ๆ กับลูกค้า จึงมีความจำเป็นที่สถาบันการเงินจะต้องมีกระบวนการในการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) ที่สามารถระบุตัวตน (Identification) และพิสูจน์ตัวตน (Verification) ของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิผล ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ที่ผ่านมา กระบวนการ KYC ยังอาศัยการทำธุรกรรมแบบ Face-to-Face โดยลูกค้าต้องนำบัตรประชาชนไปที่สาขา เพื่อรับการตรวจสอบด้วยเจ้าหน้าที่ธนาคาร ตามมาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ซึ่งนอกจากการมีต้นทุนที่สูงในการดำเนินงานแล้ว ยังไม่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งหันมาทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และยังคงมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงสถาบันการเงินสำหรับประชาชนบางกลุ่มที่อยู่ห่างไกลแหล่งชุมชน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ให้บริการยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือให้ข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีธนาคาร หรือขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปแสดงตนที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ในการยืนยันตัวตนแบบ e-KYC ธนาคารพาณิชย์จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้
1. ธนาคารต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
2. การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บริการแก่พันธมิตรทางธุรกิจของธนาคาร ขอให้ธนาคารพัฒนาหรือใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ในโครงการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลได้ในอนาคต
3. ต้องไม่กำหนดเงื่อนไขใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในรูปแบบสัญญา หรือเทคโนโลยีที่ใช้ อันอาจมีการจำกัดสิทธิในการเลือกใช้บริการจากลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของธนาคาร
4. ธนาคารต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
นอกจากนี้ ทางสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ได้ออกข้อเสนอแนะมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จำเป็นต่อธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่าด้วยแนวทางการใช้ดิจิทัลไอดีสำหรับประเทศไทย ในเดือนกันยายน 2561 (ขมธอ. 20-2561) ซึ่งอ้างอิงและเป็นไปในทางเดียวกับมาตรฐานสากล NIST Special Publication 800- 63B – Digital Identity Guidelines – Authentication and Lifecycle Management ของหน่วยงาน National Institute of Standards and Technology (NIST) เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลไอดีได้ปฏิบัติตาม
(Source: ETDA, 2019) รูปภาพใช้เพื่ออธิบาย IAL, AAL เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงเป็นกฎระเบียบได้
นอกเหนือจากกลุ่มการธนาคารแล้ว กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ที่กำลังเข้าสู่ธุรกิจ E-Commerce หรือรอการเปิด API เพื่อเชื่อมต่อข้อมูล หรือการบริการนอกเหนือธุรกิจหลักของตน ที่มีความจำเป็นต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล ต่างก็ยกระดับการบริการลูกค้าโดยการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับความน่าเชื่อถือของอัตลักษณ์ (Identity Assurance Level: IAL 2.3 ขึ้นไป) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนเปิดซิม หรือการลงทะเบียนเปิดบัญชีหลักทรัพย์ โดยมีการนำข้อมูลชีวภาพ โดยเฉพาะใบหน้าหรือลายนิ้วมือมายืนยัน เป็นต้น
DataOne Asia คือผู้เชี่ยวชาญในการวางระบบและออกแบบแอปพลิเคชัน e-KYC ที่รองรับทั้งการลงทะเบียนชีวภาพ และการเก็บรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัย เพื่อการทำ Authentication ในการทำธุรกรรมครั้งต่อไป
โดยยังคงเน้นปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1. User Experience ของแอปพลิเคชัน
2. ผ่านการรับรองตามมาตรฐานการพิสูจน์และยืนยันตัว. ตามมาตรฐานระดับความน่าเชื่อถือของอัตลักษณ์ (Identity Assurance Level: IAL 2.3 ขึ้นไป) ของมาตรฐาน NIST ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล
3. รองรับข้อมูลชีวภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า เสียง ม่านตา หรือลายนิ้วมือ
4. รองรับการวาง Architecture หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Service-Centric, Mobile-Centric หรือ FIDO-Certified
5. มีการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลชีวภาพ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลในทุกกรณี
เหตุผลที่ควรใช้บริการระบบยืนยันตัวตน e-KYC ของ DataOne Asia
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การยืนยันตัวตนที่รวดเร็วและปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ระบบ e-KYC ของ DataOne Asia เป็นหนึ่งในโซลูชันที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่องค์กรและลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
e-KYC คืออะไร ?
e-KYC (Electronic Know Your Customer) คือ ระบบที่ช่วยให้การยืนยันตัวตนของลูกค้าสามารถทำได้ในรูปแบบดิจิทัลโดยไม่ต้องใช้เอกสารแบบเดิม เช่น การส่งสำเนาบัตรประชาชนหรือเอกสารต่าง ๆ โดยการยืนยันตัวตน e-KYC จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การจดจำใบหน้า (Facial Recognition) หรือการวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ระบบ e-KYC ถูกออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในกระบวนการยืนยันตัวตน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
เหตุผลที่ควรเลือกใช้ระบบ e-KYC ของ DataOne Asia
ความปลอดภัยระดับสูง
ระบบ e-KYC ของ DataOne Asia ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลขั้นสูง เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยืนยันตัวตน e-KYC
ลดขั้นตอนการดำเนินงาน
ระบบ e-KYC ทำให้การตรวจสอบตัวตนเป็นไปอย่างราบรื่น โดยสามารถดำเนินการได้ผ่านออนไลน์ ลดเวลาในการจัดการเอกสารแบบเดิม
ประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ราบรื่น
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบ e-KYC ของ DataOne Asia ช่วยให้การยืนยันตัวตนเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ทั้งยังรองรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์หลากหลาย เช่น สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์
รองรับธุรกิจหลากหลายประเภท
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมการเงิน การประกันภัย หรืออีคอมเมิร์ซ ระบบ e-KYC ของ DataOne Asia สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภท
เป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล
ระบบของเราได้รับการออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
หากคุณกำลังมองหาโซลูชันสำหรับการยืนยันตัวตน e-KYC ที่ทั้งปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ DataOne Asia พร้อมเป็นพันธมิตรที่คุณไว้วางใจ ปรึกษาเราได้เลย
Contact our expert
By submitting, I agree to the processing and international transfer of my personal data by DataOne Asia as described in the Private Policy.